ประกาศก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน ในงาน “Kick-off Make Green in Thailand” ซึ่งจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ ศ 2568 ณ ห้องประชุม 5201 อาคาร 5 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร งานนี้ถือเป็นการ “ส่งต่อ” ผลผลิตอันเป็นรูปธรรม จากงานวิจัยสำคัญ 3 ชุด ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพการแข่งขันด้านความยั่งยืนและการปรับตัวของจุดหมายปลายทางด้วยการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism – CNT) เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism)
ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน “Kick-off Make Green in Thailand” ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism – CNT) ไปสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) ของประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานหลักด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สกสว มีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านความยั่งยืนและการปรับตัวของจุดหมายปลายทาง ผศ.สุภาวดี ได้เน้นย้ำว่า สกสว. มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและส่งเสริม Thailand Carbon Neutral Tourism ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยเฉพาะการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริง การบริหารจัดการหลักสูตร และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาได้สร้างและขยายผลงานวิจัยด้าน CNT-NZT อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการจับมือกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขยายผล "วิจัยไทย" สู่เวทีโลก โดยชูผลงานด้าน "การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสุขภาวะ" ให้เป็นThailand’s Best Practices ผศ.สุภาวดี ได้ย้ำถึงความเชื่อมั่นว่า พลังความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคีและหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก สร้างมูลค่าเพิ่ม และบรรลุเป้าหมาย Net Zero Tourism อันยิ่งใหญ่เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติและโลกของเรา
คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย นำคณะนักวิจัยนำเสนอผลการดำเนินงานวิจัยและกระบวนการ “ส่งต่อ” ผลงานวิจัยสู่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไป “ต่อยอด” และเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ผลผลิตวิจัยทั้ง 3 ชุด ที่ได้มีการ “ส่งต่อ” ในครั้งนี้ ประกอบด้วย
คุณสมยศ ปาทาน ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นผู้แทน DMO เมืองเก่าภูเก็ต นำเสนอการดำเนินการ DNT DMO ภูเก็ต ในย่านเมืองเก่าและชุมชนโดยรอบ ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ได้ริเริ่มดำเนินการหลายมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การส่งเสริม Walking Tour และการใช้จักรยานไฟฟ้า รวมถึงความร่วมมือกับภูเก็ตพัฒนาเมืองในการจัดบริการ EV Bus พวกเขายังให้ความสำคัญกับการ จัดการขยะ โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนคนเดิน โดยมีแนวคิด "เปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า" และลดปริมาณขยะด้วยการส่งเสริมการใช้กล่องขนมอาหารที่ใช้ซ้ำได้ รวมถึงการติดตั้งตู้รับบริจาค Carbon Credit DMO ภูเก็ตยังนำหลักการใหม่ๆ และเทคโนโลยีมาปรับใช้ โดยทำงานร่วมกับเทศบาล ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ มีการใช้ Big Data Institute (BDI) เพื่อติดตามคุณภาพน้ำ อากาศ และขยะในย่านเมืองเก่าภูเก็ต พร้อมตั้งเป้าที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในประชุม GSTC (Global Sustainable Tourism Council) ที่จะขึ้นที่ภูเก็ต ในปี 2569
คุณจิรกร สุรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทน นำเสนอการดำเนินการ DMO เชียงใหม่ ได้เน้นย้ำถึงความพร้อม โอกาส และความเป็นไปได้ในการขับเคลื่อนนี้ DMO เชียงใหม่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี"บ่อแก้ว สะเมิง" ที่กำลังก้าวเข้าสู่ Net Zero Pathway และมีการดำเนินงานเพื่อลดคาร์บอนใน 25 อำเภอ โดยมีการซื้อคาร์บอนเครดิตแล้วถึง 21 ตัน นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้โรงแรมเข้าสู่มาตรฐาน "Green Hotel – CF Hotel ผ่าน Star" ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการนำองค์ความรู้ไปใช้ DMO เชียงใหม่มุ่งมั่นที่จะนำเป้าหมายของ COP มาทำให้เป็นรูปธรรม และใช้หลักการ "Low Carbon เรียนรู้ด้วยกัน"
ในงานได้มีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism – CNT) ไปสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) โดยมีตัวแทนจาก 16 องค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายภาคี ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ในการบรรยายพิเศษหัวข้อ Green Transition ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยหลังจากที่ผู้แทนหน่วยงานต่างๆร่วมกันแถลงเจตจำนงในการสานต่อความร่วมมือ เพื่อต่อยอดงานวิจัยด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ Net Zero โดยคุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตสมาชิกวุฒิสภาได้นำเสนอประเด็นสำคัญในงาน โดยได้เน้นย้ำถึง วิกฤตการณ์สามประการ (Triple Crisis) ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทวีความรุนแรงจนกลายเป็น "Global Boiling" การทวีปริมาณของมลภาวะ(Pollution)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหา PM2.5 ที่เคยพบในเมืองอุตสาหกรรมแต่ปัจจุบัน กระจายออกไปทั่วถึงทั้งบนเขา ในชนบท ชายฝั่ง ใต้ทะเล และบนเกาะ และการเริ่มล่มสลายของความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นการพังทลายของระบบนิเวศ โดยท่านเน้นย้ำว่าการท่องเที่ยวสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และเป็นพลังสร้างสรรค์ในการรับมือกับความท้าทาย คุณวีระศักดิ์ยังได้อธิบายถึงวิวัฒนาการของการบริหารจัดการองค์กรจัดการจุดหมายปลายทาง (DMO) ที่เปลี่ยนจากบทบาทเดิมที่เป็นเพียง "องค์กรการตลาดแหล่งท่องเที่ยว" ไปสู่ "องค์กรบริหารและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว" ที่มีขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขวางและซับซ้อนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย DMO ในยุคปัจจุบันไม่เพียงแค่ "ขาย" แหล่งท่องเที่ยว แต่ต้องบริหารจัดการระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั้งหมดอย่างมีองค์รวม ซึ่งรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ การประสานงานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างตระหนักรู้ รอบด้าน และใช้วิทยาศาสตร์และข้อมูลเป็นเครื่องมือนำทางอย่างระมัดระวัง และมุ่งสู่การจัดการอย่างยั่งยืน นอกจากนี้
แนวคิดสมัยใหม่ยังได้นำ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และวิทยาศาสตร์ข้อมูลมาปรับใช้เพื่อลดต้นทุนและปรับตัวกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง "พลเมืองโลกเชิงรุก" (Active Citizen of the World) และสร้างความร่วมมือระดับสากลเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ท่านยังกล่าวถึง ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเกิน (Over-tourism) ว่าเป็นปัญหาสำคัญ อีกทั้งในอนาคต การท่องเที่ยวล้นเกินจะไม่จำกัดเฉพาะเรื่องปริมาณ แต่จะขยายความรวมไปได้ถึงเรื่องค่านิยมที่ผิดๆหรือฝ่าฝืนต่อระบบสังคม ระบบนิเวศในแต่ละพื้นที่ จึงเสนอให้นำเสนอโจทย์วิจัยเกี่ยวกับการปรับตัว (Adaptation) ของการท่องเที่ยวให้เข้ากับสภาพอากาศร้อน ชื้น และสภาวะฝนเหวี่ยงมาก คืออาจแห้งแล้งจัดในบางช่วง บางพื้นที่ และอาจฝนชุกจนท่วมท้น หรือชื้นจนเชื้อราและจุลินทรีย์บางพวกสามารถลุกลามจนควบคุมยากเป็นภัยต่อสุขภาพ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางเดิมที่มักเน้นให้ความสนใจในการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก(Mitigation) แต่เพียงด้านเดียว
No comments:
Post a Comment