Co-Creation Tourism Local เปลี่ยนจากชุมชนธรรมดา สู่ชุมชนที่ต้อง ‘แวะ’ เยี่ยมเยือน - ที่นี่ สุขภาพดี | Healthy Station

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, July 31, 2025

Co-Creation Tourism Local เปลี่ยนจากชุมชนธรรมดา สู่ชุมชนที่ต้อง ‘แวะ’ เยี่ยมเยือน

การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่เมืองใหญ่ หรือสถานที่เดียวเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป เพราะนักท่องเที่ยวในยุคใหม่กำลังมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่จากการเดินทางอยู่เสมอ ดังนั้น ‘การท่องเที่ยวชุมชน’ เพื่อซึบซับวัฒนธรรมดั้งเดิมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เหล่านั้นอย่างใกล้ชิด จึงกลายเป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์อย่างมากในยุคนี้

.

แต่การจะทำให้ ‘ชุมชน’ หนึ่งกลายเป็น ‘ชุมชนท่องเที่ยว’ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งยังต้องใช้การคิด การออกแบบ และพลังในการลงมือทำจริงเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้ชุมชนของเรากลายเป็น ชุมชนที่นักท่องเที่ยวหรือใคร ๆ ก็ต้อง ‘แวะ’ มาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ

.

#TATAcademy จึงนำตัวอย่างของชุมชนที่ทำสำเร็จในการพลิกจากชุมชนธรรมดาสู่การเป็นชุมชนท่องเที่ยวได้สำเร็จมาให้ดูกัน

.

– อาข่าอาหม่า เริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟสู่การท่องเที่ยวชุมชน

จุดเริ่มต้นของ อาข่าอาหม่า มาจากการต้องการควบคุมห่วงโซ่ของกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเน้นจุดมุ่งหมายที่เกษตรกรต้องได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรมมากที่สุด แทนที่จะส่งต่อให้พ่อค้าคนกลางในราคาถูก พวกเขาเลือกที่จะแปรรูปเอง คั่วเอง และสร้างแบรนด์ของพวกเขาขึ้นมาเอง โดยมีแกนหลักเป็น วิสาหกิจเพื่อสังคม ก่อตั้งโดย คุณลี-อายุ จือปา ชาวอาข่าที่ต้องการจะนำเสนอ กาแฟ และสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกรของหมู่บ้าน

.

แต่ ‘กาแฟ’ ของพวกเขา เมื่อรวมเข้ากับ ‘เรื่องราวของชาวอาข่า’ กลับกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดผู้คนให้มาท่องเที่ยวและเยี่ยมเยือนชุมชนของพวกเขาอย่างไม่คาดคิด ซึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ทำในชุมชนแห่งกาแฟนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการเยี่ยมชม ‘ไร่กาแฟ’ ที่ทุกอย่างล้วนเป็น organic การเยี่ยมชมยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับการเก็บเมล็ดกาแฟและการคัดเลือกเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองอีกด้วย 


– บ้านเชียง หมู่บ้าน 'มรดกโลก' ที่กำลังขับเคลื่อนสู่การท่องเที่ยวยุคใหม่

หมู่บ้านในจังหวัดอุดรธานี มีชื่อเสียงระดับโลกจากการเป็น แหล่งโบราณคดีสำคัญที่สะท้อนถึงอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,600 ปี โดยเฉพาะ ‘ภาชนะดินเผาลายเขียนสี’ ที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้บ้านเชียงเป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2535 เลยทีเดียว จนทำให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนบ้านเชียงขึ้นมา

.

ในปัจจุบันได้เกิด ‘จุ้มบ้านเชียง’ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการนำวัฒนธรรมดั้งเดิมอันเป็นมรดกโลกของบ้านเชียงมาต่อยอด โดยนำศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนออกสู่สายตาของโลกภายนอกผ่านงานศิลปะ งาน craft และ งาน workshop ต่าง ๆ เช่น การทำเสื้อมัดย้อมลายบ้านเชียงโดยใช้สีจากดิน การระบายสีด้วยดิน ไปจนถึงการร่วมมือกับ MUJI อุดรธานี ในการจัดกิจกรรม workshop พิมพ์ลายแบบบ้านเชียงด้วยดินท้องถิ่นลงบนเสื้อมูจิ ซึ่งทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนได้ถูกถ่ายทอดออกมาไกลกว่าแค่ในหมู่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

.

– แม่กำปอง หมู่บ้านกลางขุนเขา ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘แม่กำปอง’ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยอดฮิตขนาดนี้นั้น เริ่มมาจากการที่ผู้นำชุมชนอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงริเริ่มแนวทางในการพัฒนาชุมชน 2 ด้านคือ พัฒนาคนและพัฒนาการท่องเที่ยวโดยใช้ทรัพยากรชุมชนเป็นพื้นฐาน และทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่รู้จักเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

.

จากจุดเริ่มต้นนั้นเองทำให้ แม่กำปอง ได้รับการยกย่องให้เป็นชุมชนต้นแบบในหลากหลายมิติ ทั้งพื้นที่ต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, พื้นที่ต้นแบบด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, พื้นที่ต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้านการจัดการชุมชนและการพัฒนาชุมชน และอีกมากมาย ซึ่งทำให้แม่กำปองมีช่ือเสียงเพิ่มมากขึ้นอีกทั้งในด้านแหล่งการเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว

.

– ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลกที่นำบ้านเรือนดั้งเดิมมาเสริมการท่องเที่ยว

ชุมชนบนภูเขาในประเทศญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร อย่างเช่น บ้านทรง กัสโช-ซุคุริ (Gassho-zukuri) หรือบ้านหลังคาทรงพนมมือ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับหิมะตกหนักในฤดูหนาว ที่ในปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปเรียบร้อยแล้ว

.

หมู่บ้านนี้ถูกเรียกว่าเป็น ‘มรดกโลกที่มีชีวิต’ เพราะเป็นหมู่บ้านที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่จริง และดำเนินวิถีชีวิตตามประเพณีดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากโลกภายนอก นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ออนเซ็น โฮมสเตย์ และการเดินท่องเที่ยวเส้นทางธรรมชาติโดยรอบแล้ว ชุมชนแห่งนี้ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในตัวบ้านที่มีคนพาชมคือเจ้าของบ้านนั้นเองเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์และเห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริงอีกด้วย

.

– อาเจ๋อเคอ ชุมชนนาขั้นบันได ที่มีโมเดลการรักษาวัฒนธรรมอันโดดเด่น

อาเจ๋อเคอเป็นหมู่บ้านของชาวฮาหนี (Hani) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดหงเหอฮาหนี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 2013 และยังมีบ้านเรือนแบบ ‘กระท่อมเห็ด’ อันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม 

.

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการ ‘แผนอาเจ๋อเคอ’ ซึ่งริเริ่มโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น โดยมีเป้าหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านผ่านการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยแทนที่จะให้บริษัทท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์เข้ามาดำเนินการและนำผลกำไรส่วนใหญ่ไป ทีมวิจัยได้เสนอรูปแบบ วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน ที่ชาวบ้านถือหุ้น 70% และรัฐบาลท้องถิ่น 30% เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายในการพัฒนา

.

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: https://bit.ly/3GHT1ud

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages