ฮ่องกงประเทศที่ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัส โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย ที่ชื่นชอบการพักผ่อน ช็อปปิ้ง รวมถึงสายมู ด้วยเช่นกัน และไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Victoria Dockside ที่ริมอ่าววิกตอเรีย ของ K11 Group ตั้งอยู่ใจกลางท่าเรือวิคตอเรีย และมี Avenue of Stars สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเกาะฮ่องกง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของ K11 MUSEA (มิวซี) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าคอมเพล็กซ์ที่ผสมผสาน ทั้งศิลปวัฒนธรรมและแหล่งช็อปปิ้งระดับโลก ซึ่งสร้างขึ้นจากไอเดีย Art Mall หากช้อปเพลินจนลืมเวลาแล้วอยากพักผ่อน โครงการ Victoria Dockside ยังมีโรงแรม 3 แห่งคือ Rosewood Hong Kong Rosewood Resident และ K11 ARTUS ไว้รองรับ
ภายในห้างฯ มีทั้งแบรนด์ระดับโลกและสตรีทแบรนด์ รวมเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ซึ่งได้รวบรวมงานศิลปะทั้งจากฮ่องกงและนานาชาติมาไว้ด้วยกัน ตลอดจนจัดแสดงงานศิลป์คอลเลกชั่นพิเศษ K11 MUSEA ที่เป็นมากกว่า คอมเพล็กซ์ เพราะได้มีการผสมผสานศิลปวัฒนธรรม
ด้วยการออกแบบพื้นที่ในห้างทั้งหมดสิบชั้น จากการทำงานร่วมกันของสถาปนิก ศิลปิน และดีไซน์เนอร์บนเกาะฮ่องกง และทั่วโลกกว่า 100 ชีวิต จนออกมาเป็นโครงสร้างกว่า 100 แบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ความคิดและชีวิตประจำวัน ให้ห้างนี้เป็นแลนด์มาร์ค ที่ผสมผสานการช้อปปิ้งและวัฒนธรรมที่หลากหลายไว้อย่างลงตัว
K11 MUSEA จึงเป็น ห้างสรรพสินค้าและศูนย์รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการจะเป็น จิตวิญญาณทางความคิดจากท้องทะเล ผ่านการผสมผสานของพลังทางความคิด วัฒนธรรม นวัตกรรม รวมถึงสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน ทำให้ K11 MUSEA กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของย่าน จิมซาจุ่ย ที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ การเรียนรู้และความบันเทิงให้แก่ผู้เยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลก
อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ MoMA Design Store แห่งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่ MoMA Design Store ได้ร่วมกับ EDGE Design จากเกาะฮ่องกงในการออกแบบร้านค้าเพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ร่วมกันระหว่างแบรนด์และสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้
รวมถึง ร้าน Fortnum & Mason (ฟอร์ตนัมและเมสัน) ร้านจำหน่ายชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ ที่ได้เปิดตัวที่ K11 MUSEA เป็นครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ อันเป็นเอกลักษณ์ ในด้านชา ช็อคโกแลตทำมือ และตะกร้าหวาย ซึ่งแต่ละชิ้นมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์หลายศตวรรษ และปัจจุบันยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์จินตนาการ ในการดื่มชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ
ร้าน Camellia เป็นร้านอาหารแนวคิดใหม่ของ THE FOOD STORY ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านแรกที่สร้างสรรค์น้ำชายามบ่ายในธีมช็อกโกแลตที่หายาก และยังให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ของคาว ไปจนถึงของหวานเลิศรส โดยจุดเด่นของร้านคือการ ใช้สีชมพูและดอกไม้เป็นธีมหลัก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รับประทานอาหารกึ่งส่วนตัวเพื่อให้แขกได้เพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารแบบส่วนตัวกับเพื่อนสนิท
นอกจากนี้ที่ K11 MUSEA ยังมีโรงเรียน L’Ecole, เล-กอล School of Jewelry Arts ซึ่งเป็นสถานที่เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวิธีการสร้างสรรค์จิวเวลรีในทุกขั้นตอน มีบทเรียนกว่า 32 คอร์ส ทั้งการคัดเกรดเพชรที่ต้องอาศัยสายตาและสองมือของมนุษย์ ซึ่งผู้ก่อตั้งคือ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ โดยมีพันธกิจสำคัญคือการแผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะแห่งเครื่องประดับให้คนทั่วไปได้รับรู้มากที่สุดสำหรับคนรักในศาสตร์การสร้างสรรค์จิวเวลรีและอัญมณี ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสและฮ่องกง
แบรนด์ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ นั้น เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ที่เก่าแก่กว่า 100 ปี จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่งานฝีมืออันประณีต ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ มาสร้างสรรค์เป็นผลงานเครื่องประดับที่สวยงาม หลายๆ ชิ้นของแบรนด์จึงมีชิ้นเดียวในโลก และมีมูลค่าที่แทบจะหาค่าไม่ได้เลยทีเดียว
และอีกจุด ที่จะพลาดไม่ได้เลยคือ Legoland Discovery Centre Hong Kong ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นเลโก้ในร่มแห่งแรก และใหญ่ที่สุดในฮ่องกง โดยจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ คือ Kingdom Quest, Duplo Farm, Merlin's Apprentice, Lego Racer: Build & Test และ Lego 4D Studio
และเมื่อเดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ขอแนะนำสถานที่พักผ่อนอีกแห่งคือ โรงแรม “New World Millennium Hongkong ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ริมอ่าว Victoria ด้วยความโดดเด่นของห้องที่นี่ซึ่งส่วนใหญ่ สามารถดูวิวดี ๆ และสวยที่สุดอย่าง Victoria skyline / Hongkong skyline ได้ และที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจาก K11 MUSEA ซึ่งสามารถเดินไปกลับได้อย่างสบายมาก
จากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้โรงแรมแห่งนี้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยการปรับปรุงห้องพัก อัพเกรดให้ดีมากขึ้น โดยนายจูเลียน วิปเปอร์ ผู้บริหารของโรงแรม ย้ำว่ายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศไทย เพราะถือว่าเป็นฐานลูกค้าใหญ่ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ มาฮ่องกง มากขึ้น โดยได้จัดทีมพนักงาน คอยให้บริการอย่างเต็มที่ เน้นความจริงใจกับลูกค้า และต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่น ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคน ซึ่งหลังจากการเปิดประเทศ อัตราการจองโรงแรมเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะคนไทย
สำหรับคนสายมู อยากเป็นเศรษฐี ต้องไปกราบไหว้ขอพร จากเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ ที่วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ (Hung Hom Kwun Yum Temple) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ช่วยเสริมเรื่องดวงการเงิน ให้มีโชคลาภเงินทอง ซึ่งถ้าจะไปให้สุดก็ต้องมาให้ตรงกับ “วันเปิดทรัพย์” หรือเรียกกันว่า “พิธียืมเงิน” พิธีศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงปีละครั้ง และเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ตั้งอยู่ในย่านฮ่องฮำ (Hung Hom)
และอีกวัดที่จะพลาดไม่ได้เลยคือที่ “วัดแชกงหมิว” หรือ “วัดกังหัน” วัดดังของนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางไปสักการะ ขอพร รูปปั้นองค์แชกง (เชกุง เหย่ เหย) ซึ่งตั้งอยู่ในวัดแชกงหมิว ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ โชคลาภ เงินทอง ที่จะคอยนำพาสิ่งดีๆ เข้าหาตัว ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายมู ต้องมาสักการบูชาสักครั้ง เพราะเชื่อว่าจะสามารถนำพาโชคลาภ และส่งเสริมดวงให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า การมาหมุนกังหันลมที่วัดแห่งนี้ สามารถพลิกจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ ทำอะไรราบรื่นดังกังหันลม นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพิธีปลุกเสกเรียกเงิน เรียกทองเข้ามาในกระเป๋าสตางค์ต่างๆ พอเสร็จพิธีจะได้ซองใส่ผงธูปกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกไว้คอยบูชา รวมถึงการแก้ปีชง อีกด้วย
และส่งท้ายกับ นองปิง 360 (Ngong Ping 360) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวอันดับต้นๆ ที่เมื่อไปฮ่องกงแล้วต้องไปเยือน จุดไฮไลท์ก็คือกระเช้าพื้นใส (Crystal Cabin) ที่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา สามารถมองเห็นวิวที่พื้นด้านล่างได้ด้วย เป็นมุมแบบ “Bird’s eye view” ให้ภาพมุมมองที่แปลกใหม่ เพราะจะได้เห็นพื้นน้ำด้านล่างเมื่อนั่งผ่านอ่าวและยอดต้นไม้ต่างๆที่ภูเขาด้านล่าง แต่หากใครกลัวความสูงก็เลือกนั่งแบบกระเช้าปกติได้ หรือหากต้องการชมวิวแบบส่วนตัว ก็สามารถเลือกกระเช้าแบบไพรเวทได้ (Private Cabin)
เมื่อขึ้นกระเช้า Ngong Ping 360 ที่ด้านบนจะได้พบกับ Ngong Ping Village สองข้างทางจะเป็นร้านค้าต่างๆ เดินผ่านซุ้มประตู Po Lin Monastery หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “the Big Thatched Hut” เป็นเหมือนประตูทางเข้าหลัก เพื่อขึ้นไปไหว้พระใหญ่ที่ยอดเขาด้านบนโดยมีบันไดขึ้นไปประมาณ 268 ขั้น โดยเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็มักจะสมความปรารถนา
หากใครมีเวลาเหลือก็สามารถเดินไปเที่ยวเสาไม้Wisdom Path ได้ ซึ่งอยู่ต่อจากองค์พระใหญ่ เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่แต่ละท่อนมีความสูง 8-10 เมตร กว้างประมาณ 1 เมตร ตั้งเรียงรายกันอยู่ที่เนินเขา เมื่อมองจากมุมบนท้องฟ้าจะเห็นเป็นรูปเครื่องหมาย “∞” ซึ่งมีความหมายว่า “ไม่มีที่สิ้นสุด” นั่นเอง
ครั้งนี้จากวันที่13-15ธันวาคม2567 ทางสื่อรู้สึกชอบสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายและโดยเฉพาะK11 Musea บรรยากาศน่าเดินและshoppingรวมถึงAvenue Stars ติดHarbour ถ่ายรูปสวยๆและชมSymphony of lightsที่นี่ด้วย มาฮ่องกงต้องมาที่K11 Museaให้ได้นะคะ ท่านผู้อ่านจะประทับใจและอยากกลับมาอีก
No comments:
Post a Comment